ในอดีตโรงแรมเป็นพื้นที่พักผ่อนใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายนอกเหนือจากบ้าน ซึ่งทุกคนมักใช้เวลาอยู่ในอุตสาหกรรมการบริการของโรงแรม แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบทบาทของเทคโนโลยีในธุรกิจโรงแรมมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยกิจกรรมส่วนใหญ่ต้องอาศัยเทคโนโลยีทั้งทางตรงและทางอ้อมทำให้เทคโนโลยีมีความสำคัญต่อการดำเนินงานของโรงแรมและการสร้างประสบการณ์ของผู้เข้าพักมากกว่าที่เคยเป็นมา

            ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแกล่าวถึงแนวโน้มเทคโนโลยีด้านการสื่อสารในโรงแรม 5 อันดับ โดยคุณสามารถศึกษาและเลือกเทคโนโลยีการสื่อสารที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้ เพื่อนำไปใช้อย่างเหมาะสมในธุรกิจโรงแรมของคุณและเริ่มต้นวางแผนให้ธุรกิจของคุณได้เปรียบคู่แข่งอื่น ๆ

1. อุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นกุญแจสำคัญในการเปิดประตูธุรกิจโรงแรมสู่ยุคดิจิทัล

            นี่คือเรื่องน่าสนใจที่ฟังก์ชันง่าย ๆ ของอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นเหมือนกับกุญแจที่ไขประตู ทำให้ธุรกิจโรงแรมสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีและรับวิวัฒนาการใหม่ ๆ ได้มากยิ่งขึ้น จากเครื่องมือที่เคยเป็นชิ้นส่วนของโลหะกลายเป็นคีย์การ์ดและเปลี่ยนเป็นการใช้ข้อมูลบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของผู้เข้าพักในโรงแรม อย่างในปัจจุบันโรงแรมบางแห่งได้เริ่มดำเนินการใช้เทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) คือเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถส่งผ่านข้อมูลได้ด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สายหรือการสแกนด้วยใบหน้าอย่างสนามบินหลาย ๆ แห่งได้นำเทคโนโลยีลักษณะนี้มาใช้กับตั๋วเครื่องบิน

2. การให้บริการอัตโนมัติ

            ในปัจจุบันในธุรกิจโรงแรมได้มีการให้บริการด้วยตนเองเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้เข้าพักจำนวนไม่น้อยที่ชอบใช้เทคโนโลยีในการให้บริการด้วยตนเอง เพื่อความเป็นส่วนตัวและมีความเรียบง่าย อย่างตัวเลือกการเช็กอิน (Check-in) และเช็กเอาท์ (Check-out) ด้วยตนเองกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และโรงแรมบางแห่งเริ่มทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันที่ทำให้ผู้เข้าพักสามารถสั่งซื้อบริการต่าง ๆ ในโรงแรมได้จากโทรศัพท์มือถือของตนเอง ซึ่งช่วยให้พนักงานของโรงแรมสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการเยี่ยมชมให้กับลูกค้า

3. การรวมกันของอุปกรณ์ที่อยู่กับที่และอุปกรณ์เคลื่อนที่

            แต่ก่อนเราเวลาเราเข้าพักโรงแรมต่าง ๆ เรามักจะใช้โทรศัพท์ที่อยู่ในห้องพักในการติดต่อสื่อสาร แต่ความแพร่หลายของอุปกรณ์เคลื่อนที่ในปัจจุบันผลักดันให้โทรศัพท์ในห้องพักลดบทบาทลงอย่างมาก อย่างไรก็ตามนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าโทรศัพท์ที่อยู่ประจำในห้องพักจะไม่มีบทบาทก้าวไปข้างหน้าอีกในอนาคต เพราะมันอาจเป็นอีกหนึ่งจุดเชื่อมต่อที่ใหญ่มากขึ้นก็ได้ ลองจินตนาการดูว่าถ้าแขกเข้าพักและสามารถใช้เทคโนโลยีในจับคู่โทรศัพท์มือถือของตัวเองเข้ากับโทรศัพท์ที่อยู่ภายในห้องพัก เพื่อควบคุมการใช้งานต่าง ๆ ภายในห้องเช่น ควบคุมโทรทัศน์ ระบบเสียง หรือแม้กระทั่งการตั้งปลุกด้วยการโทรและแจ้งถึงบริการต่าง ๆ ที่พร้อมสำหรับคุณแล้ว โดย Handoff จาก Wi-Fi ไปยัง 4G ได้อย่างไร้รอยต่อ

4. การจัดการกับ Bandwidth

ดูเหมือนว่าแขกผู้เข้าพักโรงแรมจะนำอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน, โน้ตบุค, แท็บเล็ต, เครื่องสำหรับการอ่าน (E-Reader) ที่มีผลต่อ Internet Bandwidth ติดตัวไปทุกที่เมื่อเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจหรือเพื่อความเพลิดเพลิน ด้วยอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีมากมายทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถืออย่างที่เคยใช้อยู่ที่บ้าน ดังนั้นโรงแรมต้องคูณความต้องการข้อมูลเหล่านั้นและมีการจัดการกับความเร็วของระบบเครือข่ายที่มีผู้ใช้จำนวนหลายสิบหลายร้อยคน โดยธุรกิจโรงแรมจะต้องเลือกโซลูชันที่สามารถมั่นใจได้ว่าเพียงพอต่อความต้องการใช้ Bandwidth ที่ทำให้โรงแรมเติบโตมากขึ้นได้

5. ฟังเสียงสังคม

            แขกผู้เข้าพักจำนวนมากที่มักจะพูดถึงประสบการณ์ในการเข้าพักที่โรงแรม ซึ่งพวกเขาไม่ได้พูดตรง ๆ กับทางพนักงานในโรงแรมเสมอไป และในโลกแห่งการให้บริการต้อนรับการบอกต่อปากต่อปากและความคิดเห็นออนไลน์มีอิทธิพลมากขึ้นทุกวัน นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้โรงแรมต่าง ๆ เริ่มมีการลงทุนในเครื่องมือทางสังคมอย่างโซเชียลมีเดียมากขึ้น เนื่องจากเครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้โรงแรมสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการ, ความปรารถนา, ความต้องการ, ข้อร้องเรียนและอื่น ๆ ของแขกที่เข้าพักได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้คุณเฝ้าดูการแข่งขันด้านการตลาดได้อีกด้วย ดังนั้นอินเทอร์เน็ตเป็นขุมสมบัติที่มีความอัจฉริยะของระบบธุรกิจถ้าคุณรู้วิธีการเฝ้าดูบนเครื่องมือทางสังคม